หลายเรื่องต้องรู้ในการเลือกซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ให้ได้คุณภาพและความคุ้มค่า

อุปกรณ์และชิ้นส่วนของรถยนต์ที่ถือว่ามีความสำคัญไม่ได้ด้อยกว่าเครื่องยนต์ของรถเลยก็คือ แบตเตอรี่รถยนต์ โดยมากแล้วผู้ขับขี่หลาย ๆ ท่านอาจใช้เวลาไปกับการเลือกซื้อสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถ อย่างเช่นการเลือกซื้อ ประกันภัย รถยนต์ที่ใช่ ใช้เวลากับการเลือกอุปกรณ์แต่งรถ ขัดสีต่าง ๆ จนลืมไปว่าการเลือกซื้อองค์ประกอบของรถที่ทำให้รถสตาร์ทได้ขับเคลื่อนได้ก็สำคัญ

แบตเตอรี่รถยนต์นั้นถือเป็นอุปกรณ์เริ่มต้นเกี่ยวกับการสตาร์ทและระบบไฟในรถเลยทีเดียว จึงมองข้ามไม่ได้ การเลือกซื้อเลือกใช้จึงต้องให้ความสนใจไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่น ๆ ครั้งนี้เราจึงจะมาแนะนำการเลือกซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ให้ได้คุณภาพตรงกับความต้องการ และให้ได้ความคุ้มค่ามากที่สุด มาดูกันเลยว่ามีวิธีการเลือกอย่างไรบ้าง

1.แบตเตอรี่มีแบรนด์ ช่วยให้วางใจได้เสมอ

สินค้าบางชนิดไม่จำเป็นต้องใช้ของมีแบรนด์ก็ได้ แต่สำหรับเรื่องของรถยนต์แล้วจะคิดเช่นนั้นไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อประกันภัยรถยนต์ ซื้ออะไหล่หรืออุปกรณ์ติดตั้งในรถยนต์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่จำเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้สินค้าที่มีแบรนด์ที่คุณรู้จักหรือมีชื่อเสียงอยู่ในท้องตลาด

สาเหตุที่คุณควรเลือกแบตเตอรี่แบรนด์ชั้นนำก็เพราะว่า แบรนด์เหล่านี้มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย แบรนด์เหล่านี้ต้องพยายามรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ จึงต้องส่งสินค้าที่มีมาตรฐานไว้วางใจได้ออกมาวางจำหน่ายเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้เราได้สินค้าที่มีคุณภาพที่มั่นใจได้เสมอ

2.เลือกให้ถูกประเภท

แบตเตอรี่รถยนต์นั้นมีทั้งแบบแห้งและแบบที่ต้องเติมน้ำกลั่น ซึ่งคุณก็จะต้องรู้ด้วยว่ารถคุณเหมาะสมกับแบตเตอรี่แบบไหน ง่ายที่สุดก็ให้ซื้อตามแบตเตอรี่ลูกเดิมที่มาพร้อมกับรถ หรือถ้าอยากจะเปลี่ยนแบบใหม่ก็ต้องพิจารณาด้วยว่า คุณมีเวลาในการดูแลรถแค่ไหน

หากว่าปกติแล้วคุณไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถสักเท่าไหร่ ก็แนะนำว่าให้เลือกแบตเตอรี่แบบไม่ต้องเติมน้ำกลั่นจะตอบโจทย์กว่า แต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ ราคาของแบตเตอรี่แบบแห้งนี้จะสูงกว่าแบบเติมน้ำกลั่น ส่วนใครที่มีเวลาดูแลรถอยู่เสมอ จะลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ลงด้วยการเลือกแบบเติมน้ำกลั่นมาใช้ก็ได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูด้วยว่ารถคุณเหมาะสมกับการใช้แบบไหน เลือกให้เหมาะกับรถของเราจะดีที่สุด

3.อย่าเลือกแบตเตอรี่ค้างสต็อก

แบตเตอรี่เก่าค้างสต็อกนั้น มีโอกาสมากที่ระบบภายในจะเริ่มเสื่อมสภาพ ดังนั้นเวลาไปเลือกซื้อก็ให้ดูวันที่และปีที่ผลิต เลือกให้ใหม่ล่าสุดเข้าไว้จะดีที่สุด

4.เลือกขนาดแอมแปร์ให้ตรงกับรถ

จุดนี้เป็นส่วนที่สำคัญมาก แนะนำว่าให้เลือกซื้อแบตเตอรี่ขนาดเดียวกันกับแบตเตอรี่ลูกเดิมที่มากับตัวรถจะดีที่สุด แต่ถ้าใครอยากเปลี่ยนขนาดที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เพราะรถมีการปรับแต่งมาต้องใช้กำลังไฟมากขึ้นก็สามารถทำได้ โดยมีหลักพิจารณาคร่าว ๆ ดังนี้

          รถญี่ปุ่น

  • เครื่องยนต์ขนาด 1300-1800cc แบตเตอรี่ที่เหมาะจะอยู่ที่ 45 – 60 แอมป์
  • เครื่องยนต์ขนาด 2000-3000cc แบตเตอรี่ที่เหมาะจะอยู่ที่ 60 – 75 แอมป์

รถยุโรป

  • เครื่องยนต์ขนาด 2000-3000cc แบตเตอรี่ที่เหมาะจะอยู่ที่ 75 แอมป์ (แบบขั้วจม)
  • เครื่องยนต์ขนาด 2800cc-4000cc แบตเตอรี่ที่เหมาะจะอยู่ที่ 100 แอมป์ (แบบขั้วจม)

รถกระบะ

  • เครื่องยนต์ขนาด 2000-3000cc แบตเตอรี่ที่เหมาะจะอยู่ที่ 70 – 90 แอมป์

เหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณควรจะต้องรู้ไว้เวลาที่จะเลือกซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ ถ้าพิจารณาในสิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้คุณเลือกแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพได้ และได้สินค้าที่มีความคุ้มค่ามากที่สุดกลับมา อีกสิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องมีไว้เคียงคู่การเดินทางด้วยก็คือ การซื้อประกันภัยรถยนต์ไว้แนบเคียงกับรถยนต์ของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณเบาใจได้มากเวลาขับขี่เดินทางนั่นเอง